กรณีศึกษาจากเรื่องจริงตอนที่ 3 !! สู้คดีฟ้องเพิก ถอนอำนาจปกครองบุตร อย่างไร ให้ศาลยกฟ้อง
ข้อเท็จจริง เรื่องนี้มีอยู่ว่า มีสามีและภรรยาคู่หนึ่งได้มีการจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน แต่ขณะสมรสกันมีบุตรอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 คน ตอนจดทะเบียนหย่านั้น ด้วยความที่ฝ่ายชาย เป็นวิศวกรมีหน้าที่การงานและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง ส่วนฝ่ายหญิงมีเงินเดือน และ ความสามารถในการที่จะเลี้ยงดูบุตรน้อยกว่าฝ่ายชายจึงได้ทำการตกลงในบันทึกท้ายการหย่าว่า
ให้ฝ่ายชายนั้นเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้น ฝ่ายชายก็ได้เลี้ยงดูบุตรพร้อม ทั้งส่งเสียให้การศึกษาเล่าเรียนตลอดมา ต่อมาฝ่ายหญิงได้มีแฟนใหม่เป็นชาวต่างชาติประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ย้ายไปอยู่กับสามีใหม่อยู่ที่ต่างประเทศนั้น จนกระทั่งมีหน้าที่การงาน และ มีความมั่นคงทางการเงินดีขึ้น จึงเดินทางกลับมาเยี่ยมบุตรที่บ้านอดีตสามี และ จะขอนำบุตรไปท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัด พร้อมกับสามีใหม่ด้วย แต่ฝ่ายอดีตสามีไม่ยินยอม ต่อมาฝ่ายอดีตภรรยาจึงเห็นว่าตนนั้นมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นและอาจจะดีกว่าฝ่ายชาย และ เห็นว่าตนเองนั้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และ มีระบบการศึกษาที่ดีกว่าประเทศไทย จึงอยากพาบุตรไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ จึงได้ยื่นฟ้องอดีตสามีเพื่อขอ เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรทั้ง 2 ต่อศาล
สำหรับคดีนี้ ผมรับหน้าที่เป็นทนายความจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี และนำสืบให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญว่า จำเลยไม่เคยใช้อำนาจปกครองบุตรไปในทางที่ไม่ชอบหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุตรทั้งสองแต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่มีเหตุให้เพิกถอนอํานาจปกครองบุตรทั้งสองของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์มาตรา 1582 ผลปรากฏว่า ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง (ดูตัวอย่างคำฟ้อง คำให้การ คำให้การพยานโจทก์ และคำพิพากษา ตามภาพกันครับ)
สำหรับการ ฟ้องเพิก ถอนอำนาจปกครองบุตร นั้น จะต้องมีเหตุตามกฎหมายในการร้องขอเพิกถอนอำนาจบุตรต่อศาล ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
1. ผู้ใช้อำนาจปกครองได้ประพฤติตนไม่สมควรเช่นดื่มสุราเป็นอาจิณไม่ดูแลบุตรเท่าที่ควรเล่นการพนันเป็นประจํา เสพยาเสพติด หรือจัดการทรัพย์สินของบุตรไปในทางเสียหาย
2. พฤติการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นผู้ใช้อำนาจปกครองต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดจนไม่มีเวลาเพียงพอที่จะดูแลอบรมสั่งสอนบุตรผู้ใช้อำนาจปกครองตกเป็นบุคคลล้มละลายหรือเป็นคนวิกลจริตหรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถหรือผู้ใช้อำนาจปกครองสมรสใหม่ และคู่สมรสใหม่กับบุตรไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
3. ผู้ใช้อำนาจปกครองได้กระทำความผิด ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกอันเป็นการประพฤติชั่วและไม่อาจอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้อีกต่อไป
4. ผู้ใช้อำนาจปกครองได้นำทรัพย์สินของบุตรมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว หรือเกินความจำเป็น
5. สภาพแวดล้อมต่างๆของผู้ใช้อำนาจปกครองเปลี่ยนแปลงไปเช่นบริเวณบ้านของผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์อยู่อาศัยนั้นมีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือใกล้บ่อนการพนัน หรือมีมลพิษที่ไม่ดีต่อสุขภาพและอนามัยของบุตรหรือผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรได้มีคู่สมรสใหม่ไม่ว่าจะจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ก็ตามแล้วคู่สมรสใหม่กับบุตรอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขไม่ได้เป็นต้น
ในกรณีที่เป็นการหย่า โดยความยินยอม และ ตกลงให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร แล้วผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรได้ประพฤติตนไม่สมควรหรือพฤติการณ์ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอีกฝ่ายหนึ่งต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรได้ และ ในกรณีที่ศาลมี คำพิพากษา ให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร แล้วผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรได้ประพฤติตนไม่สมควร หรือ พฤติการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีกฝ่ายหนึ่ง ก็ต้องยื่นคำร้องเข้าไปในคดีเดิมเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ศาลจะพิจารณาเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรก็ต่อเมื่อ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสม ในด้านต่างๆดังกล่าว โดยคำนึงถึงความผาสุก และ ประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์มาตรา 1521
คำพิพากษาฎีกาที่ 1000/2544 โจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันโดยมีบันทึกข้อตกลงเป็นหนังสือท้ายสัญญาหย่าให้โจทก์ซึ่งเป็นบิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว กรณีต้องตาม ป.พ.พ.มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลยังไม่ได้เพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1580 วรรคหนึ่ง แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1566 (6) ข้อตกลงตามสัญญาหย่าระบุเพียงให้จำเลยไปมาหาสู่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองได้ตลอดเวลา หามีข้อตกลงให้จำเลยรับบุตรผู้เยาว์ทั้งสองไปอยู่ด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กรณีการหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด (มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง)
มาตรา 1521 ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา 1520 ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือ ผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุก และ ประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ
ชอบก็กดไลค์ ใช่ก็กดแชร์ เผยแพร่เป็นความรู้กับประชาชน และ เป็นวิทยาทานให้ทนายรุ่นน้องได้ศึกษา สำหรับทนายรุ่นเก๋ามากด้วยประสบการณ์ อ่านแล้วก็ผ่านได้ครับ !!
ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 080-3955536 02-0749954
หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @closelawyercmi
หรือ คลิก https://lin.ee/Zu2JmNU
กรณีศึกษาจากเรื่องจริง ตอนที่ 3 !! สู้คดีฟ้องเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรอย่างไร ให้ศาลยกฟ้อง