ในการดำเนินคดีผู้บริโภคนั้น มีเป้าหมายหลักอยู่ ๓ ประการ คือ รวดเร็ว ประหยัดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งบทบัญญัติของกฎหมายและข้อกำหนดประธานศาลฎีกาที่ออกมา ได้สนับสนุนเป้าหมายในแต่ละประการ พอจะกล่าวโดยสังเขป ดังนี้

 

1.รวดเร็ว (promptly) กระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภคเป็นไปโดยรวดเร็ว กำหนด ให้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ รวดเร็วกว่าการพิจารณาคดีแพ่งทั่วไป เช่น มาตรา ๒๔ กำหนดให้มีการกำหนดวันนัดพิจารณาโดยเร็ว และข้อกำหนดประธานศาล ฎีกาฯ ข้อ ๙ กำหนดให้นัดพิจารณาภายในกำหนดเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน นับแต่วันรับฟ้อง และให้มีการสอบคำให้การของจําเลยในวันดังกล่าว นอกจากนี้ในกรณีที่มีการสืบพยาน แล้ว ให้ศาลนั่งพิจารณาคดีติดต่อกันไม่เลื่อนคดีจนกว่าจะเสร็จการพิจารณา หากมีเหตุ จำเป็นมีการเลื่อนนัดสืบพยาน ให้เลื่อนนัดไม่เกิน ๑๕ วัน ตามมาตรา ๓๕ ทั้งตาม มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง ประกอบข้อกำหนดประธานศาลฎีกาฯ ข้อ ๓๗ ให้ศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคพิจารณาคดีแล้วเสร็จภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่นำคดีลง สาม ความ

 

2.ประหยัด (economically) ในการยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค ผู้บริโภคได้รับการ ยกเว้นค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียม ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง และในการดำเนินคดี ที่มีลักษณะเป็นคดีกลุ่ม หากว่าเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่มีการฟ้องผู้ประกอบธุรกิจรายเดียวกันโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่พิพาทอย่างเดียวกัน ซึ่งในคดีก่อนได้วินิจฉัยไว้แล้ว ศาลในคดีหลังก็อาจมีคำสั่งให้ถือข้อเท็จจริงเป็นข้อยุติเช่นเดียวกับในคดีก่อนโดยไม่ต้อง สืบพยาน ตามมาตรา ๓๐ ซึ่งจะทำให้ประหยัดแก่ทุกฝ่าย ไม่ต้องดำเนินกระบวน พิจารณาในเรื่องเดิม

 

3.มีประสิทธิภาพ (efficiently) คดีผู้บริโภคเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคมาดำเนินคดีแทนผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ในการดาเนินคดีในศาลก็มีเจ้าพนักงานคดีคอยช่วยเหลือผู้บริโภคในการดำเนินคดี และช่วยเหลือศาลในการค้นหาความจริง

 

ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691 , 02-0749954

หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer

สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @closelawyercmi

หรือ คลิก https://lin.ee/Zu2JmNU