เมื่อสถานะของที่ดินยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ จึงไม่อาจนำคดีมาฟ้องร้องว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีที่มีบุคคลใดส่งมอบที่ดินของตนเองให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่ได้มีบุคคลอื่นคัดค้านการส่งมอบที่ดินดังกล่าวให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไม่ว่าจะด้วยเหตุครอบครองปรปักษ์ หรือได้กรรมสิทธิ์มาโดยการแย่งการครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก็ตาม หากยังมิได้มีข้อพิพาทจนมีคำตัดสินว่ากรรมสิทธิ์เป็นของใครย่อมไม่อาจฟ้องให้ผู้ที่อยู่ในที่ดินซึ่งได้คัดค้านมีความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐได้
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3750/2540 ที่ดินพิพาทไม่ได้เป็นที่สาธารณประโยชน์มาแต่เดิม แต่กรณีเป็นเรื่องที่ ท. ผู้ใหญ่บ้านกับคณะกรรมการหมู่บ้านต้องการจะให้เป็นที่สาธารณะเมื่อปี 2525 และทางราชการยังไม่ได้มีการสอบเขตที่แน่นอน หลังจาก ท. ได้ประกาศให้เป็นที่ดินสาธารณะแล้ว ก็ถูก ส. คัดค้านแม้จะมีการไกล่เกลี่ยกัน ส. ก็ไม่ยินยอมและไม่ปรากฏว่า ส. ออกจากที่ดินพิพาทตามคำสั่งของอำเภอแต่อย่างใดต่อมาเมื่อมีการสร้างวัดในที่ดินพิพาทอีก ภริยาจำเลยซึ่งเป็นบุตร ส.ทำการคัดค้านจนไม่สามารถสร้างวัดได้ ดังนี้เห็นได้ว่านับแต่ ท.ได้ประกาศจะให้ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะฝ่ายจำเลยก็ได้ทำการคัดค้านมาโดยตลอด และยังไม่ได้มีการดำเนินคดีทางแพ่งพิสูจน์สิทธิในที่ดินพิพาทกันให้เสร็จเด็ดขาดแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่าเป็นที่สาธารณะการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 , 108 ทวิ วรรคสอง
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการเมืองแร่และการป่าไม้ ที่ดินของรัฐนั้นถ้ามิได้มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่แล้วห้ามมิให้บุคคลใด
(1) เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือ เผาป่า
(2) ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ที่ดินที่หิน ที่กรวดหรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้าม ในราชกิจจานุเบกษา หรือ
(3) ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน
ปรึกษากฎหมายโทร📞 080-9193691,☎️ 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 ไลน์ @closelawyercmi