มาตราการทางกฎหมายในการลงโทษผู้กระทำผิดตามพระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพ.ศ. 2566
กฎหมายนี้ได้บัญญัติการกระทำไว้ สามลักษณะเป็นความผิดและต้องรับโทษทางอาญา กล่าวคือ
1.) กรณีเป็นผู้เปิดบัญชีม้า หรือ ให้ผู้อื่นใช้เลขหมายโทรศัพท์
ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
องค์ประกอบความผิดตามมาตรานี้ แยกออกเป็นสองส่วน คือ
ก) เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด
ข) ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด
ในส่วน (ก) เป็นเรื่องที่ได้ทำการเปิดบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้มีเจตนาที่จะใช้บัญชีเงินฝากดังกล่าวด้วยตนเอง และยอมให้ผู้อื่นใช้แทนตน โดยตนรู้อยู่อยู่แล้วว่า ผู้ที่นำบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปใช้การความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น เช่น เปิดบัญชีให้เขานำไปเป็นบัญชีรับโอนเงินที่เกิดจากการเล่นการพนัน หรือที่เกิดจากการขายยาเสพติดให้โทษ หรือจากการรับซื้อของโจร ฯลฯ หรือควรรู้ว่าผู้ที่นำบัญชีเงินฝากนั้นไปใช้ในการกระทำความผิด กรณีที่ใช้คำว่า ควรรู้ว่า นั้น ใช้เกณฑ์ชี้วัดจากบุคคลทั่วไป เช่น มีคนจ้างให้เปิดบัญชีเงินฝาก หลังจากทำการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารแล้ว ตนก็ส่งมอบบัญชีเงินฝาก ทั้งบัตรเอทีเอ็มให้แก่ผู้นั้น และหลังจากนั้นผู้เปิดบัญชีก็ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้นอีกเลย เช่นนี้ ก็เข้าข่ายคำว่า ควรรู้ว่า แล้ว
บางครั้งผู้เปิดบัญชีอาจถูกหลอกให้เปิดบัญชีเงินฝาก โดยผู้หลอกลวงอ้างว่า รัฐให้ทำการเปิดบัญชีไว้เพื่อ รองรับการโอนเงินสวัสดิการทางรัฐ แต่หลังจากการเปิดบัญชีธนาคารแล้ว ผู้หลอกลวงกับนำเอาสมุดเงินฝากพร้อมบัตรเบิกเงินสดไปด้วย เช่นนี้ ผู้เปิดบัญชีก็น่าจะเข้าข่ายคำว่า ควรรู้ว่า แล้ว
เดิมก่อนปีพ.ศ. 2566 ศาลฎีกาวินิจฉัยความผิดดังกล่าวเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด และเป็นความผิดฐานฟอกเงิน เช่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2565 บัญชีและบัตรเอทีเอ็มเป็นของญาติใกล้ชิดที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้น และจำเลยที่ 1 เองก็เคยใช้บัตรเอทีเอ็มถอนเงินออกจากบัญชี จำเลยที่ 1 ย่อมรู้ว่ามีการใช้บัญชีและบัตรเอทีเอ็มกระทำความผิด โดยเฉพาะก่อนที่จำเลยที่1 ใช้บัตรเอทีเอ็มถอนเงินผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติด้วยตัวเอง มีการถอนเงินจากบัญชีหลายวันติดต่อกันทุกวัน และหลังจากจำเลยที่ 1 ถอนเงินแล้วก็ยังมีการถอนเงินในวันรุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก แสดงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันครอบครองบัตรเอทีเอ็มไว้ตลอดเวลาเพื่อการถอนเงิน และจำเลยที่ 1 ย่อมรับรู้การกระทำของพวกจำเลยที่ 1 ในการรับโอนและถอนเงินแต่ละครั้งด้วย ไม่ว่าพวกของจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ถอนเงิน หรือจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบหมายให้ของจำเลยที่ 1 ถอนเงิน พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมในการรับโอนและถอนเงินทุกครั้งโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จึงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำความผิดทุกกระทงตามฟ้อง
นอกจากผู้ที่ให้บุคคลอื่นเปิดบัญชีเงินฝากทั้งทำบัตร เอ ที เอ็มแล้ว ได้นำเอาไปใช้ โดยเจ้าของบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องในการเบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าว กรณีอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5 มาตรา 269/6 มาตรา 269/7 กล่าวคือ
มาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 269/6 ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ตามมาตรา 269/6 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 269/7 ถ้าการกระทำดังกล่าวในหมวดนี้ เป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ กึ่งหนึ่ง
ปรึกษากฎหมายโทร
ได้ที่ 080-9193691 ,☎️ 02-0749954
หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @cly.cmi
หรือ คลิก https://lin.ee/w7Ikc1z
สาขาขอนแก่น โทร 095-9567735 แอดไลน์ @cly.kkn
หรือ คลิก https://lin.ee/vbQlVcap
💻www.closelawyer.co.th💻
ทนายใกล้ตัว