closelawyer@gmail.com       080-919-3691

มาตรา 1310 วรรคหนึ่ง “บุคคลใดสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้น ๆ แต่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรือนนั้นให้แก่ผู้สร้าง”

มาตรา 1314  “ท่านให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 1310, 1311 และ 1313 บังคับตลอดถึงการก่อสร้างใด ๆ ซึ่งติดที่ดิน…”

 

มาตรา 1310 วรรคหนึ่ง และ 1314 วรรคหนึ่ง เป็นเรื่องที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งปลูกสร้างโรงเรือนหรือทำการก่อสร้างใด ๆ ซึ่งติดที่ดินในที่ดินของผู้อื่นโดยผู้อื่นมิได้อนุญาตและตนไม่มีสิทธิหรือนิติสัมพันธ์อย่างใดในที่ดินนั้นเลย แต่เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตเชื่อว่าตนมีสิทธิที่จะทำได้ ดังนั้น กฎหมายกำหนดให้เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ แต่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้นให้แก่ผู้สร้าง

 

แต่หากข้อเท็จจริงเป็นกรณีที่ถมดินและปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดิน โดยได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดินในขณะนั้น ดินที่ถมและสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน และกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 1310 วรรคหนึ่ง และ 1314 วรรคหนึ่ง เจ้าของที่ดินจึงไม่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้น(รวมทั้งเจ้าของที่ดินคนใหม่)

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 7681/2561

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 โจทก์ซื้อที่ดินพิพาท จาก ส. จําเลยที่ 2 เป็นบุตรของ ส. จําเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันสมรสกันเมื่อปี 2532 ปี 2533 จําเลยที่ 1 ถมดินและสิ่งปลูกสร้างโรงเรือนบนที่ดินพิพาทเพื่อใช้ประกอบกิจการล้างอัดฉีดรถยนต์ และต่อมาได้ปรับปรุงเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ ขณะนั้นที่ดินพิพาทเป็นของ จ. มารดา ส. ปี 2536 จ. จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่ ส.

 

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจําเลยทั้งสองว่า การถมดินและปลูกสร้างโรงเรือนบนที่ดินพิพาทของจําเลยที่ 1 เป็นการสร้างโรงเรือนและการก่อสร้างใด ๆ ซึ่งติดที่ดินในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 วรรคหนึ่งและ 1314 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

 

ป.พ.พ. มาตรา 1310 วรรคหนึ่ง และ 1314 วรรคหนึ่ง เป็นเรื่องที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งปลูกสร้างโรงเรือนหรือทำการก่อสร้างใด ๆ ซึ่งติดที่ดินในที่ดินของผู้อื่นโดยผู้อื่นมิได้อนุญาตและตนไม่มีสิทธิหรือนิติสัมพันธ์อย่างใดในที่ดินนั้นเลย แต่เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตเชื่อว่าตนมีสิทธิที่จะทำได้ จำเลยทั้งสองถมดินและปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินพิพาท โดยได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดินในขณะนั้น ดินที่ถมและโรงเรือนจึงไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท และกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 1310 วรรคหนึ่ง และ 1314 วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นแก่จำเลยทั้งสอง

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 8331/2556

จำเลยอนุญาตให้โจทก์ใช้ที่ดินพิพาทประกอบกิจการสถานีน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการชั่วคราว มิได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ การที่โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทถือเป็นการครอบครองแทนจำเลย เมื่อที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย การที่โจทก์ถมที่ดินในที่ดินพิพาทเป็นการถมเพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจของโจทก์เอง ดินที่โจทก์นำมาถมมิใช่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 146 จึงถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินตามมาตรา 144 ส่วนสาธารณูปโภคบนที่ดิน เป็นอุปกรณ์ของบริษัท ค. มิใช่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์

ปรึกษากฎหมายโทร📞 080-9193691,☎️ 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 ไลน์ @closelawyercmi

เจ้าของที่ดินเดิมอนุญาตให้ถมดินและปลูกสร้างบ้าน ต่อมาเจ้าของที่ดินขายที่ดินให้แก่บุคคลอื่น กรณีแบบนี้เจ้าของใหม่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถมดินและปลูกสร้างบ้าน
Scroll to top
error: Content is protected !!