เกิดอุบัติเหตุรถชนจนไม่สามารถซ่อมคืนให้เป็นดังเดิมได้ ผู้เช่าซื้อถือเป็นผู้เสียหายชอบที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายของทรัพย์สินในราคา ณ ขณะนั้น มิใช่ราคาตามสัญญาเช่าซื้อ
หลายท่านอาจยังเข้าใจผิดว่าหากเกิดอุบัติเหตุจนรถไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้ปกติดังเดิมสิ้นสภาพการใช้งาน สามารถฟ้องให้ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหายได้ทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่รวมดอกเบี้ยเข้าไปด้วย แต่ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 คำว่าละเมิดชดใช้ค่าเสียหายจำต้องชดใช้ค่าเสียหายตีเป็นมูลค่าของทรัพย์สินตามราคาท้องตลาด ณ ขณะนั้น
ตัวอย่าง คือ นาย ก ออกรถคันใหม่ป้ายแดงทำสัญญาเช่าซื้อ ราคาจบสัญญาอยู่ที่ 1,100,000 บาท รวมดอกเบี้ยแล้วผ่อนชำระทั้งหมด 4 ปี มิได้ทำประกันภัยแต่ประมาณ 2 เดือนต่อมาเกิดอุบัติเหตุ นาย ข ขับรถยนต์ด้วยความเมาจึงได้ชนเข้ากลางลำรถของ นาย ก อย่างจัง จนรถไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป นาย ก รอดชีวิตมาได้และนาย ข ไม่ยอมชำระค่าเสียหายตามมูลละเมิดของตนเอง นาย ก ชอบที่จะฟ้องนาย ข ตามราคารถ ณ ปัจจุบันที่ราคามือสอง คือ จำนวน 700,00 บาท ไม่สามารถนำราคารถรวมดอกเบี้ยมาฟ้องให้นาย ข ชำระราคาหาได้ไม่ จำต้องชำระราคาตามราคาทรัพย์ ณ ปัจจุบัน
อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5236/2559 การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ทำให้รถยนต์ของโจทก์ที่เช่าซื้อได้รับความเสียหายทั้งคันจนไม่สามารถซ่อมให้คืนสู่สภาพเดิมได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากราคารถยนต์ที่เช่าซื้อมาตามสภาพและราคาขณะเกิดเหตุ ไม่อาจเรียกจากราคาเช่าซื้อรวมถึงเงินดาวน์ที่โจทก์ชำระไปแล้ว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ปรึกษากฎหมายโทร📞 080-9193691,☎️ 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer
สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 ไลน์ @closelawyercmi